ต้องอย่าใจร้อน     การที่สามีเป็นอย่างนี้นั่นเพราะชาติที่แล้วเราก็เคยทำเขาไว้แบบนี้     ชาตินี้เขามาทวงคืนจากเราบ้าง      การแก้ต้องใช้เวลา

มีอยู่เคสหนึ่งชื่อ   คุณน้อย    เป็นกรณีเดียวกับคุณ     สามีมีคนใหม่   แล้วทิ้งคุณน้อยไปพร้อมกับลูกอายุ3ขวบ      

คุณน้อยได้มาพบอาจารย์    ได้ตรวจกรรมของตัวเอง    ของสามีและของลูกสาว      กรรมมันเกี่ยวเนื่องกันหมด     หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็นแบบนี้

แต่คุณน้อย    อารามณ์ ณ วันนั้นอยากให้สามีกลับคืน    ก็ตั้งใจปฏิบัติตามวิธีการแก้กรรมของท่านอาจารย์ศุภกิจ   อย่างเคร่งครัด    คือ   ใส่บาตรให้ตัวเอง   สามีและลูก     ครั้งละ 9ชุด    ทุก ๆ 2 อาทิตย์       และนั่งสมาธิวันละ 1-1.5 ชั่วโมง(ทุกวัน)    อาจารย์ท่านก็บอกกับคุณน้อยว่า      เวลานั่งสมาธิให้นึกถึงแต่หน้าสามีเอาไว้       เวลาทำบุญใส่บาตรก็ขอพรให้สามี มีสติรับผิดชอบต่อครอบครัว

ช่วง 2-3 เดือนแรกยังไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ      คุณสามีไม่ยอมรับโทรศัพท์   ไม่ยอมคุยด้วย    กำลังเห่อคนใหม่อยู่   

แต่พอเข้าเดือนที่3-4      เริ่มโทรกลับมาหาบ้าง     ถามสารทุกข์สุขดิบของลูก    (ท่านอาจารย์สั่งว่า   เวลาสามีโทรกลับมาหา   อย่าไปด่าเขา     ให้พูดจากลับเขาดีๆ)   สามีเริ่มพูดเรื่องจะส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกให้ทุกเดือน    และโอนเงินเข้าบัญชีให้

พอเข้าเดือนที่ 7-8  สามีเริ่มคิดถึงลูกและคุณน้อยขึ้นมาบ้างแล้ว    มีการโทรกลับมาขอคืนดี     ขอกลับมาอยู่ด้วยแต่แบบยังไม่เต็มตัว   คือ    ให้แบ่งวันกัน     แต่คุณน้อย ณ วันนี้   เริ่มคิดว่าไม่อยากจะกลับไปจุดเดิมเพราะรู้จักสามีตัวเองดี    ว่าคงไม่สามารถเลิกความเจ้าชู้ได้     และตัวเองก็จะต้องเจอสภาพความเจ็บช้ำเข้าอีกซ้ำแล้วซ้ำอีก      จึง(ตัดสินใจด้วยตัวเอง)  เป็นคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวต่อไป     ท่านอาจารย์จะระมัดระวังมากที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจให้ใครเลิกกับใครโดยเด็ดขาด   แต่ก็สอนคุณน้อยว่าอย่าไปอาฆาต   ให้อภัยสามีซะ   ก็ถือว่าเป็นการชดใช้กรรมกันไป    แล้วให้รู้ด้วยตนเองว่า     ชาติที่แล้วที่เราเคยทำเขา  ไว้เขาเองก็เคยได้รับความเจ็บปวดเช่นนี้เหมือนกัน

พอครบปี    สามีก็ขอกลับมาคืนดีแบบเต็มตัว      แต่คุณน้อยเลือกที่จะไม่กลับไป       เพราะมีความคิดว่า    ถ้าสามีทิ้งผู้หญิงคนนั้น    ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเจ็บปวดเหมือนที่ตนเคยเป็น

สรุป   กรณีที่ประสบผลสำเร็จมีให้เห็นจริง   นั่นเพราะทำจริง